มะเร็งตับอ่อน
เป็นมะเร็งที่มีความรุนแรงมากชนิดหนึ่ง
แต่เป็นมะเร็งที่ไม่ค่อยพบบ่อยนักเป็นมะเร็งของผู้ใหญ่เกิดในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง
สาเหตุของการเกิดมะเร็งตับอ่อน
ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของมะเร็งตับอ่อนแต่พบว่าอาจมีปัจจัยเสี่ยงได้ดังนี้
1.ในคนที่สูบบุหรี่จัด
มีปัจจัยเสี่ยงต่อมะเร็งตับอ่อนมากกว่า
2.ในคนที่มีครอบครัวป่วยเป็นมะเร็งตับอ่อน
มีโอกาสเป็นมะเร็งตับอ่อนได้สูงกว่า
3.ผู้ป่วยที่เป็นเบาหวาน
มีปัจจัยเสี่ยงสูงกว่า
อาการของมะเร็งตับอ่อนเมื่อเริ่มเป็นมักไม่มีอาการต่อเมื่อก้อนมะเร็งโตมากขึ้นจะไปกดทับทางเดินน้ำดี
ทำให้มีตัวเหลือง ตาเหลือง หรือ ปวดหลังได้ ซึ่งมักเป็นอาการที่พบได้ในโรคทั่วๆไป
ไม่ใช่อาการเฉพาะของมะเร็งตับอ่อน
ถ้าโรครุนแรงมากขึ้น
อาจมีอาการแน่นท้องจากมีน้ำในท้อง เบื่ออาหาร ผอมลง
หรือมีอาการจากการที่โรคแพร่ไปยังอวัยวะอื่นๆ เช่น
อาการปวดกระดูกจากการมีโรคแพร่ไปกระดูก เป็นต้น
มะเร็งตับอ่อนเป็นมะเร็งที่วินิจฉัยโรคได้ยากแต่อย่างไรก็ตามจากการ
ซักประวัติ อาการ อาการแสดง และการตรวจร่างกาย ถ้าแพทย์สงสัยว่าเป็นโรค ตับอ่อน
มักจะทำการตรวจเพิ่มเติม โดยการทำอัลตราซาวด์ หรือเอกซเรย์คอมพิวเตอร์
ดูพยาธิสภาพของตับอ่อน และตับเพราะมะเร็งตับอ่อนกระจายไปตับได้สูง
และอาจมีการตรวจเลือดเพื่อตรวจสารที่เรียกว่า ซี อี เอ (CEA) หรือ
ซี เอ 19-9 (CA 19-9) ถ้าภาพอัลตราซาวด์
หรือเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ พบมีก้อนเนื้อของตับอ่อนแพทย์มักทำการผ่าตัดเพื่อเอาก้อนเนื้อออก
เพื่อการรักษาและเพื่อนำก้อนเนื้อไปตรวจพิสูจน์ทางพยาธิวิทยา
(การตัดชิ้นเนื้อจากตับอ่อนก่อนผ่าตัดเพื่อการพิสูจน์ทางการพยาธิวิทยาก่อนการผ่าตัด
มักทำไม่ได้เพราะมีอันตรายค่อนข้างสูง) ว่าใช่มะเร็งตับอ่อนหรือไม่
ก่อนผ่าตัดแพทย์จะมีการตรวจเลือดเพิ่มเติม
ตรวจปัสสาวะ และภาพเอกซเรย์ปอด
เพื่อดูสภาพร่างกายผู้ป่วยและดูว่ามีโรคแพร่กระจายไปปอดและตับหรือยัง
ระยะที่ 1 ก้อนมะเร็งลุกลามอยู่ในตับอ่อนหรืออาจเริ่มลุกลามเข้าลำไส้เล็กส่วนที่
อยู่ติดกัน
ระยะที่ 2 มะเร็งลุกลามออกนอกตับอ่อนเข้ากระเพาะอาหารและ
/ หรือม้ามและ / หรือลำไส้ใหญ่
ระยะที่ 3 มะเร็งลุกลามกระจายไปต่อมน้ำเหลืองแล้ว
ระยะที่ 4 มะเร็งลุกลามเข้ากระแสโลหิตแพร่ไปยังอวัยวะที่ไกลออกไปที่พบได้บ่อยคือ
ตับ
วิธีการรักษาที่ใช้รักษามะเร็งตับอ่อนมี
3 วิธี
ได้แก่ การผ่าตัด เคมีบำบัดและรังสีรักษา โดยทั่วๆ ไป
เมื่อวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งตับอ่อนแพทย์จะแบ่งผู้ป่วยเป็น 2
กลุ่ม คือ กลุ่มที่ทำผ่าตัดได้และกลุ่มที่ทำผ่าตัดไม่ได้
กลุ่มที่ทำผ่าตัดได้
คือ ผู้ป่วยที่โรคยังลุกลามไม่มากและมีสภาพร่างกาย แข็งแรง
เมื่อผ่าตัดแล้วแพทย์จะนำก้อนเนื้อไปตรวจพิสูจน์ทางพยาธิวิทยา
และถ้ามีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ก็จะมีการรักษาเพิ่มเติมโดย เคมีบำบัด
หรือรังสีรักษาร่วมด้วย
กลุ่มที่ทำผ่าตัดไม่ได้
คือ กลุ่มที่โรคลุกลามมากแล้วแต่ยังแข็งแรงมักให้การรักษา โดยเคมีบำบัด
ร่วมกับรังสีรักษาแต่ถ้าเป็นผู้ป่วยที่ร่างกายไม่แข็งแรงการรักษาจะเป็นการรักษาแบบประคับประคองตามอาการ
ความรุนแรงของมะเร็งตับอ่อนขึ้นกับหลายปัจจัยที่สำคัญได้แก่
1.ระยะของโรคมะเร็งระยะยิ่งสูงความรุนแรงก็มากขึ้น
2.สภาพร่างกายของผู้ป่วยถ้าร่างกายไม่แข็งแรงก็จะเป็นอุปสรรค
ต่อการรักษา
3.โรคร่วมอื่นๆ
ที่มีผลต่อสุขภาพ เช่น โรคไต หรือโรคเบาหวาน เป็นต้น
......ก็จะเป็นอุปสรรคต่อการรักษา
4.อายุ
ผู้ป่วยสูงอายุมักทนการรักษาได้ไม่ดี
เมื่อให้การรักษาครบแล้ว
แพทย์จะนัดตรวจติดตามโรคและดูแลผู้ป่วยต่อสม่ำเสมอ โดยภายใน 1-2 ปี
หลังครบการรักษามักนัดตรวจทุก 1-2 เดือน ในปีที่ 3-5 หลังการรักษามักนัดตรวจทุก 2-3 เดือน และในปีที่ 5ไปแล้วมักนัดตรวจทุก 6-12 เดือน
ในการมาตรวจทุกครั้ง ควรนำญาติสายตรงหรือผู้ดูแลมาด้วย
เพื่อร่วมพูดคุยปรึกษากับแพทย์โดยตรง และถ้ารับประทานยาอะไรอยู่
หรือมีการตรวจเพิ่มเติมจากแพทย์ท่านอื่นๆ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบด้วย
เพื่อจะได้ให้การดูแลผู้ป่วยได้อย่างเหมาะสม
สั่งซื้อและเป็นตัวแทนจำหน่าย ที่
คุณ วราพร แคล้วศึก
โทร. 085-9083178
อีเมลล์ pannfitcancer@gmail.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น