ส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์คาวตองพลัส



1. คุณสมบัติของเจียวกู้หลานในการต่อต้านอนุมูลอิสระ อนุมูลอิสระในร่างกายของเราเกิดขึ้นจากขบวนการเผาผลาญพลังงานโดยออกซิเจนในร่างกาย ซึ่งปกติอะตอมของออกซิเจนจะประกอบด้วยโปรตอน ( ประจุบวก ) และอีเลคตรอน ( ประจุลบ ) ในระหว่างการเผาผลาญพลังงาน อีเลคตรอนของออกซิเจนที่มีถึง ๒ ตัวอยู่ในวงนอกของอะตอมจะไปจับคู่กับอีเลคตรอนของอะตอมออกซิเจนที่อยู่ใกล้กันเพื่อให้ตัวมันเป็นอะตอมที่สมบูรณ์ อะตอมที่ถูกขโมยที่ประจุลบไปจะกลายเป็นอนุมูลอิสระแล้วไปจับคู่กับ อีเลคตรอนของอะตอมข้างเคียงเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่อย่างรวดเร็วซึ่งจะทำให้เกิดอนุมูลอิสระในร่างกายเป็นจำนวนมาก หากร่างกายของเรามีสุขภาพที่แข็งแรงก็ควบคุมปริมาณการเกิดอนุมูลอิสระนี้ได้ แต่ร่างกายอ่อนแอเพราะได้รับเชื้อโรคหรือมลพิษ ก็จะทำให้ร่างกายไม่สามารถควบคุมปริมาณของอนุมูลอิสระนี้ได้และเป็นสาเหตุของปัญหาด้านสุขภาพดังต่อไปนี้
. ทำให้ภายในอวัยวะต่างๆ เสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติและผิวหนังเหี่ยวย่นเร็วกว่าวัย
. ทำให้ DNA ทำงานผิดปกติ ร่างกายจึงแก่เร็วกว่าวัย
. ทำให้เส้นเดือดตีบตัน ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการต่างๆ คือ
. หากเกิดขึ้นที่เส้นเลือดเลี้ยงหัวใจจะทำให้มีอาการกล้ามเนื้อหัวใจตาย หรืออาการ หัวใจ
.หากเป็นที่ไตจะมีอาการไตเสื่อมหรือไตวาย
. หากเป็นเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมองจะเกิดอาการอัมพาต
. ทำให้เกิดอาการร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันมากเกินไป ทำให้มีอาการข้ออักเสบหรือโรคเม็ดโลหิตขาว มากเกินไป
. เกิดอาการอักเสบที่เอ็นและกล้ามเนื้อ
. เป็นสาเหตุของโรคมะเร็ง
. เป็นสาเหตุของโรคสมองเสื่อมและความจำเสื่อม จากการทดลองในประเทศจีน ได้ใช้เจียวกู้หลานร่วมกับน้ำผลไม้ที่มีวิตามินอี และวิตามินซีสูงและสมุนไพรอื่น พบว่ามีผลต่อการรักษาโรคต่างๆ ที่เกิดจากอนุมูลอิสระในร่างกาย

2. คุณสมบัติของเจียวกู้หลานที่เป็นสารปรับสมดุลการทำงานของร่างกาย ( Adaptogen ) คำ ( Adaptgen เป็นคำที่เกิดขึ้นโดย Dr. N .V.Lazarev นักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซียในปีค.ศ. ๑๙๔๗ ที่เรียกสมุนไพรที่มีคุณสมบัติในการช่วยปรับสมดุลการทำงานของระบบประสาทส่วนกลางของมนุษย์ ระบบประสาทส่วนกลางประกอบด้วย สมอง ไขสันหลัง ระบบประสาท Sympaihetic และระบบประสาท Paraasympathetic ซึ่งควบคุมการทำงานที่สำคัญต่างๆของร่างกายซึ่งปกติแล้วร่างกายเปรียบเสมือนเป็นเครื่องจักรที่น่าหัศจรรย์ที่จะรักษาตัวเอง ปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมหรือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ด้วยตัวเองแล้วในระดับหนึ่ง เมื่อร่างกายมีอาการเครียดเกิดขึ้นหรือตกอยู่ในสภาพที่ต้องเตรียมพร้อมเพื่อรับมือกับสถานการณ์ บางอย่างที่เกิดขึ้นต่อม อดรีนอล ( Adrenol ) จะขับฮอร์โมนโดพาไมน์ ( Dopamine ) โนเรไพเนพฟริน ( Norepinephrine ) และอีไพเนพฟริน ( Epiephrine ) เพื่อให้ร่างกายเตรียมพร้อมสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถ้าร่างกายมีอาการเครียดมากเป็นบ่อยๆ การทำงานของระบบประสาทส่วนกลางจะไม่ปกติและเป็นสาเหตุของโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ เช่น โรคหัวใจ โรคกระเพาะอาหารอักเสบ อาการความดันโลหิตสูง อาการปวดหัวโดยไม่พบสาเหตุ เป็นต้น ในการรักษาสุขภาพให้มีสุขภาพแข็งแรง มีข้อควรปฎิบัติ 4 ประการ คือ กินอาหารที่ถูกสุขลักษณะและมีคุณค่าทางอาหารครบถ้วน ในปริมาณที่เหมาะสม ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อาศัยในที่ที่มีอากาศบริสุทธิ์ และรักษาอารมณ์ให้แจ่มใสด้วยการทำสมาธิเป็นประจำ นอกจากนี้การดูแลรักษาสุขภาพของร่างกายข้างต้น แล้วนักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบว่า เจียวกู้หลานมีส่วนสำคัญในการช่วยรักษาสมดุลการทำงานของระบบส่วนกลางของร่างกายได้ดี กล่าวคือหากระบบประสาทมีอาการเครียดเพราะเตรียมพร้อมกับปัญหาที่เกิดขึ้น สาร gypenosides จะช่วยทำให้ลดอาการเครียดของระบบประสาทส่วนกลางลงแต่ถ้าร่างกายรู้สึกหดหู่ ( Depressed ) สาร gypenosides นี้จะช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบส่วนกลางให้ร่างกายรู้สึกมีชีวิตชีวาดีขึ้น ซึ่งการรักษาสมดุลของระบบการทำงานของร่างกายนี้จะทำให้ร่างกายมีสุขภาพแข็งแรง มีการสร้างพลังชีวิต ภูมิคุ้มกันและการต่อต้านเชื้อโรคในร่างกายให้เป็นปกติ

3. คุณสมบัติของเจียวกู้หลานในการเสริมสร้างการทำงานของหัวใจ เจียวกู้หลานจะช่วยขยายหลอดเลือดของหัวใจทำให้มีอัตราการไหลเวียนของเลือดจากหัวใจสูงขึ้น แต่อัตราการเต้นของหัวใจและความดันโลหิตไม่เปลี่ยนแปลง

4. คุณสมบัติของเจียวกู้หลานในการลดความดันโลหิต ความดันโลหิตของมนุษย์ควรอยู่ระหว่าง ๑๔๐ ๙๐ mm Hg หากมีความดันโลหิตสูงกว่านี้ จะมีอาการความดันโลหิตสูงซึ่งจะเป็นผลร้ายต่อสมอง หัวใจและไต แต่ถ้าความดันโลหิตต่ำจะทำให้มีเลือดไปเลี้ยงสมองน้อยกว่าความต้องการจะทำให้เป็นลมหน้ามืดได้ง่าย Gypennosides
ในเจียวกู้หลานจะควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในระดับปกติกล่าวคือ หากมีอาการความดันสูงก็จะปรับลดลงแต่ถ้ามีความดันโลหิตต่ำก็จะปรับให้เป็นปกติ

5.คุณสมบัติของเจียวกู้หลานในการลดไขมันในเส้นเลือด จาการรักษาผู้ป่วย สาร gypennosides ได้ลดเซรุ่มของไตรกลีเซอร์ไรด์ และคลอเรสเตอรอลประสารท LDL ที่เป็นผลร้ายต่อสุภาพ แต่เพิ่มคลอเรสเตอรอลประสาท HLD ซึ่งเป็นผลดีต่อสุขภาพของร่างกายแทน ทำให้ปริมาณของไขมันที่เกาะตามผนังเส้นเลือดหัวใจ จึงช่วยรักษาและป้องกันอาการหัวใจวายและหัวใจเต้นผิดปกติ

6. คุณสมบัติในการป้องกันการจับตัวเป็นลิ่มของเลือด จากการทดลองพบว่า สาร gypenosides ในเจียวกู้หลานได้ป้องกันไม่ให้เลือดแข็งตัวเป็นลิ่มซึ่งหากลิ่มเลือดอุดตันในบริเวณเส้นเลือดหัวใจจะเป็นสาเหตุให้มีอาการหัวใจเต้นผิดปกติหรือหัวใจวายได้

7. คุณสมบัติของเจียวกู้หลานในการสร้างเม็ดเลือดขาว จากการทดลองผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็งที่รักษาตัวด้วยการฉายรังสีและวิธีคีโมที่ทำให้ร่างกายอ่อนเพลียและมีเม็ดเลือดขาวในเลือดน้อยกว่าปกติ สาร gypennosides ได้ช่วยร่างกายสร้างเม็ดเลือดขาว ซึ่งเป็นผลดีทำให้หายอ่อนเพลียและเพิ่มภูมิต้านทานโรค

8. คุณสมบัติของเจียวกู้หลานในการสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย จากการทดลองของผู้ป่วยพบว่าเจียวกู้หลานได้ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายด้วยการช่วยให้การการทำงานของระบบน้ำเหลืองดีขึ้นด้วยการสร้างเม็ดเลือดขาวสำหรับกำจัดเชื้อโรคที่พบในร่างกาย และช่วยโปรตีนและไขมันออกจากเนื้อเยื่อ และลำไส้เล็ก จึงทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง

9.คุณสมบัติของเจียวกู้หลานในการหยุดยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง เป็นที่ยอมรับในวงการแพทย์ว่าสาร ginsenosides Rh 12 ที่พบในโสมมีคุณสมบัติในการหยุดยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้ดี แต่สาร Rh12 ที่พบในโสมนี้มีปริมาณเพียง 0.001% เท่านั้น แต่ในเจียวกู้หลานมีสาร gypenosides 22- 29 ที่มีคุณสมบัติในการหยุดยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้เช่นเดียวกัน แต่มีปริมาณมากกว่าที่พบในโสมหลายเท่า

10.คุณสมบัติของเจียวกู้หลานในการรักษาเบาหวานและโรคตับ จากผลการทดลองรักษาผู้ป่วยพบว่า สาร gypenosides ในเจียวกู้หลานมีผลดีในการรักษาอาการเบาหวานและตับอักเสบจากพิษของสารเคมีหรือจากไวรัสตับอักเสบบีได้ แต่ต้องดูผลการรักษาเพิ่มเติมอีกระยะหนึ่ง

11. คุณสมบัติของเจียวกู้หลานในการรักษาอาการโรคถุงลมในปอดอักเสบ ชาวจีนได้นำเจียวกู้หลานมาใช้รักษาผู้ป่วยที่มีอาการถุงลมในปอดอักเสบมาเป็นเวลานาน ซึ่งมีผลการทดลองที่ได้นำชาเจียวกู้หลานให้ผู้ป่วยเป็นโรคถุงลมในปอดอักเสบดื่มเพื่อรักษาในโรงพยาบาลในประเทศจีนซึ่งได้ผลในการรักษาสูงถึง 92% จากการรักษาผู้ป่วยจำนวน 96 ราย




สรรพคุณทางเภสัชวิทยาของพลูคาวคือ
1.สร้างภูมิคุ้มกันกระตุ้นการแบ่งตัวของเม็ดเลือดขาวและทำงานได้ดีขึ้น

2.ทำลายเซลล์มะเร็งเพาะเลี้ยงทั่วไป 5 ชนิด ; ปอด, สมอง, เนื้อร้าย, รังไข่, ลำไส้ใหญ่, เซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาว 5 ชนิด li210, u937, k526, raja, p3 hr 1

3.ฆ่าเชื้อไวรัส ชนิด HIV-1, HIV1 ไข้หวัดใหญ่, งูสวัด, หัดเยอรมัน, โดยไม่ทำลายHostCell

4.ต้านเชื้อรา  กลาก, เกลื้อน, สังคัง, ฮ่องกงฟุต, สะเก็ดเงิน-ทอง, เยื้อหุ้มสมองอักเสบที่เกิดจากการติดเชื้อรา, ปอดอักเสบ

5.ต้านแบคทีเรีย  โรคท้องร่วง, โรคติดเชื้อทางเดินหายใจ, ฝี, โรคระบาดทางระบบสืบพันธ์ตกขาว

6.ต้านอักเสบ_หลอดลมอักเสบ, ปอดอักเสบในเด็ก, รูมาตอย, แผลหลังการผ่าตัด, แผลไฟไหม่, น้ำร้อนลวก, หนองใน, ปวดฟัน

7.ขับปัสสาวะ





1.เพิ่มสมรรถภาพการทำงานของร่างกาย: คุณสมบัติต่อต้านความเมื่อยล้า Antifatigue effect ของโสม ทำให้ร่างกายมีการปลดปล่อยพลังงานมาใช้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะทำงานหรือออกกำลังกาย สารพลังงาน ATP และ Glycogen ที่มีอยู่ใน กล้ามเนื้อจะถูกใช้หมด
        อย่างรวดเร็วและเกิดกรดน้ำนม Lactic Acid เพิ่มขึ้นอย่างมาก ทำให้กล้ามเนื้อเมื่อยล้า สารสกัดจากโสมช่วยให้เยื่อเซลล์สามารถดูดซึมอ๊กกซิเจนเพิ่มขึ้นถึง 21%   มีผลทำให้กระบวนการเผาผลาญภายในร่างกายเพิ่มมากขึ้นร่างกายจึงปลดปล่อยพลังงานได้มากขึ้นขณะเดียวกับอัตราการเกิดกรดน้ำนมก็จะน้อยลง เนื่องจากได้รับการการสังเคราะห์ให้กลับเป็น Glycongen ใหม่ และมีการสะสม ATP รวดเร็วขึ้น ดังนั้นอัตราการเกิดความเมื่อล้าของกล้ามเนื้อจึงลดน้อยลงด้วย   นอกจากนั้นสารสกัดจากโสมยังช่วยปรับอัตราการเต้นของหัวใจให้กลับคืนสู่สภาพปกติรวดเร็วยิ่งขึ้น ร่างกายจึงเหน็ดเหนื่อยช้าลง  มีความอดทนต่อการทำงานได้ดีขึ้น

     2. ต้านความเครียด:   ผลกระทบจากกระแสการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วในยุคการสื่อสารไร้พรมแดน  ทำให้ผู้คนมีอาการผิดปกติในลักษณะต่างๆ ที่ตรวจสอบหาสาเหตุได่ยาก เป็นต้นว่าอาการทางหัวใจ ปวดศรีษะ นอนหลับไม่สนิท  ปัญหาการย่อยอาหารตลอดจน
             ปัญหาข้อข้องใจในการปฏิบัติภาระกิจประจำวัน     ที่ล้วนก่อให้เกิดความเครียดซึ่งส่งผลกระทบทั้งร่างกายและจิตใจหากทิ้งไว้เป็นวลานาน อาจทำให้กลายเป็นอาการของโรคและอาการผิดปกติที่รุนแรงขึ้น
      สารสกัดจากโสมมีคุณสมบัติต้านความเครียด Antistress Effect โดยช่วยปรับสภาพร่างกายและจิตใจให้สามารถอดทนต่อความเครียดได้ในระดับหนึ่ง  โดยฮอร์โมน  ACTH  จากต่อมใต้สมองจะเป็นตัวควบคุมการหลั่งของฮอร์โมนต่อมหมวกใต  ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวป้องกันและต่อต้านความเครียด โดยเร่งกระบวนการเมตาบอลิสม    Metabolism ต่างๆ เพื่อปลดปล่อยพลังงานและสารออกมาต้านความเครียดได้
 3. ผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง: Ginsenosides Rg1 จากโสมหรือในสารสกัดโสมมีคุณสมบัติกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลางให้ตื่นตัว   แต่จะเป็นการออกฤทธิ์ที่แตกต่างจากยากระตุ้นประสาทจำพวก Amphetamine หรือ Cocaine จึงไม่ทำให้กระทบกระเทือน ต่อการนานหลับตามปกติ ส่วน Ginsenosides Rb และ Rc จะออกฤทธิเกี่ยวกับการระงับประสาท ช่วยผ่อนคลายความตึงเครียด สารสกัดจากโสมจึงมีผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง โดยเป็นทั้งตัวช่วยให้ประสาทตื่นตัวและระงับผ่อนคลายประสาท     ทั้งนี้การออกฤทธิ์กระตุ้นหรือระงับนั้นจะขึ้นอยู่กับสภาพและความต้องการของร่างกาย
  4. ผลต่อสมรรถภาพทางเพศ:  เชื่อกันว่าโสมมีฤทธิ์เป็นตัวกระตุ้นกำหนัดทางเพศ  แต่การวิจัยค้นความด้วยวิทยาศาสตร์การแพทย์สมัยใหม่   พิสูจน์ว่าโสมไม่ได้มีฤทธิ์ต่อฮอร์โมนเพศ หากการบำรุงด้วยโสม ทำให้สมรรถภาพร่างกายและจิตใจสมบูรณ์แข็งแรง   จึงส่งผลให้สมรรถภาพทางเพศมีความสมบูรณ์ขึ้นไปด้วย
  5. ช่วยลดปริมาณน้ำตาลในผู้ป่วยที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูง: จากากรทดสอบเชิงคลีนิก มีผลชี้ว่า สารสกัดจากโสมอาจทำให้ตับอ่อนหลั่ง อินซูลินออกมา ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีขึ้น ช่วยป้องกันการเกิดอาการชาตามนิ้วมือและปลายเท้า การเกิดแผลเน่าเปื่อย    นอกจากนี้ Ginsenosides Rb1 และ Re ยังมีฤทธิ์คล้ายอินซูลิน  จึงอาจช่วยลดขนาดการใช้อินซูลินในการรักษาผู้ป่วยเบาหวานได้
6.เพิ่มประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย:   ผลการทดลองทางคลีนิกพบว่าสารสกัดโสมสามารถช่วยให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันสูงขึ้น   นักวิจัยด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพได้ทำการตรวจวิเคราะห์ปฏิกริยาตอบสนองของเม็ดเลือดขาวชนิดต่างๆ  ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญ
 7. ช่วยเร่งฟื้นฟูสมรรถภาพของผู้ป่วย:    จากการศึกษาวิจัยและผลทางคลีนิกพบว่าโสมสามารถต่อต้านโรคและอันตรายจากรังสีรวมถึงสารพิษต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ    เพิ่มภูมิคุ้มกันของร่างกายต่อโรค แทรกซ้อนบางชนิด   ช่วยร่างกายสร้างเม็ดเลือดแดง    และเพิ่มสมรรถภาพในการต้านความเครียดซึ่งส่งผลให้สุขภาพโดยรวมดีขึ้น   จึงทำให้ผู้ป่วยฟื้นตัวหายเป็นปกติจากอาการป่วยได้เร็วขึ้น
 8. ช่วยชลอความแก่:   กระบวนการเผาผลาญไขมันของร่างกายเพื่อให้เกิดพลังงาน เรียกว่า Lipid oxidation นั้นเป็นสาเหตุทำให้เกิดอนุมูลอิสระที่สลายตัวจากอ๊อกซิเจน  อนุมูลอิสระนี้จะทำลายเนื้อเยื่อของอวัยวะต่างให้เสื่อสลายลง  ตามกระบวนการของความชรา  โสมและสารสกัดมาตรฐานโสม   สามารถทำลายอนุมูลอิสระของอ๊อกซิเจนช่วยให้เนื่อเยื่อเสื่อสภาพช้าลงประกอบกับคุณสมบัติเป็นตัวปรับสภาพ "Adaptogenic agent” ของโสมทำให้ร่างกาย  และจิตใจ มีความทนทานต่อความกดดัน ส่งผลในการชลอกระบวนการเสื่อมชราให้ช้าลงทำให้ร่างกายคงความสดใสเยาว์วัยอยู่ต่อไปได้เนิ่นนานขึ้น 


1.ฤทธิ์ต้านมะเร็ง โดยการส่งเสริมภูมิคุ้มกัน กระตุ้นให้เม็ดเลือดขาวสร้างสารต้านมะเร็ง
2. ลดความดันโลหิต ลดไขมันในเลือด
3. ลดระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยควบคุมอาการเบาหวาน
4. เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ลดอาการภูมิแพ้ หอบหืด
5. ยับยั้งการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือด ป้องกันเส้นเลือดอุดตันในสมองและหัวใจ
6. ยับยั้งเชื้อไวรัสในเซลเพาะเลี้ยง เช่น ไวรัสโรคเอดส์ อีสุกอีใส งูสวัด
7. บำรุงและป้องกันตับ มีฤทธิ์ยับยั้งการสร้างพังผืดในโรคตับแข็ง ป้องกันตับจากสารพิษ ช่วยให้ใยแผลเป็นอ่อนนิ่มคลายตัว ไม่ไปรัดเส้นเลือดและเนื้อเยื่อตับ อีกทั้งยังกระตุ้นให้ตับสร้างเซลล์ใหม่
รักษาโรคตับอักเสบ สามารถลดค่า SGOT และ SGPT ที่สูงเกินมาตรฐานในเลือด
ช่วยเซลล์ตับฟื้นฟูสภาพตับเป็นไขมัน (fatty liver)
8. ผ่อนคลายระบบประสาทและกล้ามเนื้อ ช่วยให้นอนหลับสนิท
9. เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความแก่ ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใส
อย่า ลืมว่า กลูแคนในหลินจือแบบทา ยังช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระเฉพาะที่ เมื่อผสานกับการได้สารอาหารโดยรับประทาน น่าจะเสริมแรงแข็งขันในการช่วยให้ผิวเนียน สดใส ชะลอริ้วรอยเหี่ยวย่นอีกด้วย
10. จากทฤษฏีประหยัดออกซิเจน ใช้แก้โรคป่วยบนที่สูงหูอื้อ..อึด


 ดูข้อมูลที่ http://pannfitcancer.blogspot.com/

      สอบถามได้ที่
           คุณ  วราพร แคล้วศึก
               โทร. 085-9083178                             

                อีเมล์ pannfitcancer@gmail.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น