ช่องปาก ประกอบด้วยอวัยวะต่างๆ ดังนี้ คือ ริมฝีปาก
กระพุ้งแก้ม เหงือก ลิ้น และเนื่อเยื่อโดยรอบๆ ลิ้นทั้งด้านข้างสองข้างและ
ด้านหน้าใต้ลิ้น มะเร็งของอวัยวะต่างๆ เหล่านี้ จะมีสาเหตุอาการ อาการแสดง
การดำเนินโรค วิธีวินิจฉัย ระยะโรค การรักษาความรุนแรงของโรคเหมือนกัน
มะเร็งช่องปากเป็นมะเร็งที่ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะอยู่ในวัยกลางคนขึ้นไป อายุเฉลี่ยจะประมาณ
60 ปี
แต่ก็พบในคนอายุ 40 ปี หรืออายุต่ำกว่าได้ประปราย
2.บริโภคเมี่ยง หมาก ยาฉุน
ยาเส้นเป็นประจำ
3.ดื่มสุราจัด
4.อาจมีความสัมพันธ์กับการติดเชื้อไวรัสชนิด
เฮทพีวี (HPV)
5.มีความสัมพันธ์กับการอักเสบเรื้อรังชนิดไม่ติดเชื้อของเยื่อบุช่องปาก
ซึ่งจะทำให้เยื่อบุช่องปากมีลักษณะเป็นฝ้าขาว หรือเป็นปื้นสีแดง
นอกจากนั้นถ้าเป็นโรคในระยะลุกลามจะคลำต่อมน้ำเหลืองที่คอได้ร่วมด้วย
เป็นต่อมน้ำเหลืองที่โตโดยไม่เจ็บและมักอยู่ด้านเดียวกันกับก้อนเนื้อ
เมื่อผู้ป่วยมาพบแพทย์ แพทย์จะให้การตรวจดังนี้
1.ซักประวัติและตรวจร่างกาย
โดยเฉพาะของช่องปาก
2.ตัดชิ้นเนื้อเพื่อไปพิสูจน์ทางพยาธิวิทยา
เมื่อวินิจฉัยได้แล้วว่าเป็นมะเร็ง แพทย์จะตรวจเพิ่มเติมดังนี้
- ตรวจเลือดทางห้องปฏิบัติการดูการทำงานของไขกระดูก
ตับ ไต และเบาหวาน
- ตรวจปัสสาวะเพื่อดูโรคร่วมอื่นๆ
ของโรคในระบบทางเดินปัสสาวะ
3.เอกซเรย์ปอดเพื่อดูการแพร่กระจายของโรคที่ปอด
4.อาจมีการตรวจเพิ่มเติมตามข้อบ่งชี้
เช่น การตรวจอัลตราซาวด์ตับ เพื่อดูการกระจายของโรคตับ
หรือการตรวจเพิ่มเติมทางเอกซเรคอมพิวเตอร์ การตรวจเพิ่มเติมเหล่านี้
แพทย์จะทำตามข้อบ่งชี้ ไม่เหมือนกันในผู้ป่วยแต่ละราย
ระยะที่ 2 มะเร็งลุกลามเข้าอวัยวะข้างเคียง
ระยะที่ 3 ก้อนมะเร็งขนาดใหญ่ขึ้นและลุกลามเข้าอวัยวะข้างเคียง
มากขึ้น และมีการลุกลามไปต่อมน้ำเหลืองที่คอ
ระยะที่ 4 มะเร็งลุกลามเข้าอวัยวะข้างเคียงมากขึ้น
ลุกลามเข้าต่อม น้ำเหลืองมากขึ้น ปากอ้าไม่ได้ ต่อมน้ำเหลืองที่คอมีขนาด โตมาก
หรืออาจมีโรคแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่นๆ ที่อยู่ไกลออกไป เช่น ปอด ตับ หรือกระดูก
เป็นต้น
1.ระยะของโรค
ระยะสูงขึ้นความรุนแรงของโรคก็สูงขึ้น
2.สุขภาพทั่วๆ ไป
ถ้าแข็งแรงการรักษาจะได้ผลดีกว่า
3.โรคร่วมต่างๆ เช่น เบาหวาน โรคไต
เป็นต้น ซึ่งจะเป็นอุปสรรค์ ต่อการรักษา
4.อายุ
ในผู้ป่วยสูงอายุมักทนการรักษาต่างๆ ได้ไม่ค่อยดี
มะเร็งช่องปากมีวิธีการรักษาหลัก 3
วิธีคือ การผ่าตัด รังสีรักษา และเคมีบำบัด
การผ่าตัด มักใช้รักษาโรคระยะที่
1
ระยะที่ 2 หรือเริ่มๆ ระยะที่3
ที่ต่อมน้ำเหลืองยังมีขนาดเล็ก
หลังการผ่าตัดแพทย์จะตรวจเนื้อที่ผ่าตัดออกไปทางพยาธิ
ถ้ามีข้อบ่งชี้ก็จะให้การรักษาต่อเนื่องด้วยรังสีรักษาและอาจร่วมกับเคมีบำบัดด้วย
รังสีรักษา
อาจเป็นวิธีการรักษาโดยใช้รังสีอย่างเดียว
หรือรังสีร่วมกับการผ่าตัดหรือรังสีร่วมเคมีบำบัด หรือรังสี ผ่าตัดและเคมีบำบัด
ทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับข้อบ่งชี้เป็นรายๆ แตกต่างกันไป
ถ้ามีการฉายรังสีมักใช้ระยะเวลาประมาณ 6-7 สัปดาห์ ฉายรังสีวันละ1 ครั้ง ติดต่อกัน 5 วันตามวันทำการ
อาจมีการรักษาทางรังสีโดยการใส่แร่ ซึ่งจะมีข้อบ่งชี้เฉพาะเจาะจงรักษาได้เฉพาะผู้ป่วยบางรายเท่านั้น
ซึ่งแพทย์จะประเมินจากข้อบ่งชี้เช่นกัน
เคมีบำบัด
เป็นการรักษาที่มักใช้ร่วมกับการผ่าตัดและรังสี
แต่ในผู้ป่วยบางรายที่ผ่าตัดและทำรังสีรักษาไม่ได้
ก็อาจใช้เคมีบำบัดเพียงวิธีการอย่างเดียวซึ่งมักเป็นกรณีการรักษาเพื่อประคับประคองและเช่นเดียวกับวิธีการรักษาอื่นๆ
การใช้เคมีบำบัดก็ต้องมีข้อบ่งชี้แตกต่างกันในผู้ป่วยแต่ละรายไม่เหมือนกัน
ภายหลังรักษาครบแล้ว
แพทย์จะยังนัดตรวจรักษาผู้ป่วยต่อเนื่องเป็นระยะๆ ไป
โดยในปีแรกหลังครบการรักษาแพทย์มักจะนัดทุก 1-2 เดือน ในปีที่ 2-3
อาจนัดทุก 2-3 เดือน ปีที่ 3-ปีที่ 5 อาจนัดทุก 3-6 เดือน
และภายหลัง 5 ปีไปแล้ว มักนัดทุก 6-12 เดือน
ในการมาพบแพทย์ทุกครั้งแพทย์จะซักประวัติ ตรวจร่างกายและอาจมีการตรวจอื่นๆ
ตามข้อบ่งชี้แตกต่างในผู้ป่วยแต่ละรายไม่เหมือนกัน ผู้ป่วยควรพบแพทย์พร้อมญาติสายตรงหรือผู้ดูแลผู้ป่วย
เพื่อร่วมกันพูดคุยปรึกษากับแพทย์ เพื่อให้การดูแลผู้ป่วยได้อย่างเหมาะสม
สั่งซื้อและเป็นตัวแทนจำหน่าย ที่
คุณ วราพร แคล้วศึก
โทร. 085-9083178
อีเมลล์ pannfitcancer@gmail.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น