โรคมะเร็งเป็นสาเหตุการตายของประชากรไทยเป็นอันดับ 3
เนื่องจากโรคมะเร็งเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่นสารก่อมะเร็งในอาหาร การสูบบุหรี่ การสัมผัสถูกกับสารก่อมะเร็งทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยเฉพาะมลภาวะของสิ่งแวดล้อมซึ่งทวีความรุนแรงขึ้นทุกขณะทำให้มีอัตราการเจ็บป่วยจากโรคมะเร็งเพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ ผู้ป่วยโรคมะเร็งส่วนมากมักมาพบแพทย์
เมื่อปรากฏอาการชัดหรือมีการลุกลามของโรคมากแล้ว
ทำให้การป้องกันรักษาไม่ได้ผลเท่าที่ควร หากถ้าได้มีการตรวจพบโรคมะเร็ง
ตั้งแต่ในระยะเริ่มแรกจากการตรวจหาสารที่จะช่วยบ่งชี้หรือมีความเกี่ยวข้องกับโรคมะเร็ง
(tumor
markers) ในเลือด จะช่วยทำให้แพทย์สามารถให้การรักษาได้ทันการณ์
ผู้ป่วยก็จะมีโอกาสหายจากโรคมะเร็งได้มากยิ่งขึ้น
การตรวจหา Tumor
markers เพื่อช่วยวินิจฉัยโรคมะเร็งในระยะเริ่มแรก
หรือช่วยในการติดตามผลของการรักษา
ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อผู้ป่วยที่จะมีโอกาสหายจากมะเร็งได้มากขึ้น
คือตัวบ่งชี้ทางชีวเคมีที่จะบอกว่ามีมะเร็งหรือไม่
อาจเป็นสารที่ไม่พบในภาวะปกติ หรือเป็นสารปรกติในร่างกายเรา
แต่มีปริมาณเพิ่มสูงมากผิดไปจากปกติ สามารถตรวจพบได้ทั้งในเลือด หรือสารคัดหลั่ง (biological
fluid)
•สารที่ไม่พบในภาวะปกติและเป็นสารที่ผลิตมาจากเซ,มะเร็งโดยตรง เช่น CEA ,
AFP,PSA, CA 19-9 เป็นต้น
•สารที่มีอยู่แล้วในร่างกายซึ่งผลิตโดยเซลปกติ
แต่กลับเพิ่มปริมาณมากขึ้นเมื่อ เซลนั้นกลายเป็นเซลมะเร็ง
สารดังกล่าวได้แก่ฮอร์โมนต่างๆ เช่น HCG, Calcitonin, ACTH เป็นต้น
หรือเอนไซม์เช่น PAP, ALP, LDH, GGT เป็นต้น
การจัดตารางเวลาสำหรับการตรวจ Tumor markers
สำหรับผู้ที่เริ่มตรวจพบแล้วหรือผู้ที่เริ่มต้นจะทำการรักษา
ควรตรวจวัด tumor markers ในช่วงระยะเวลาดังต่อไปนี้
•ก่อนการผ่าตัด
หรือก่อนเริ่มต้นให้การรักษาใดๆ เพื่อเก็บเป็นค่าเริ่มต้นของผู้ป่วยแต่ละราย
ปีที่ 1 และ 2ควรตรวจทุกเดือนในระยะต้น
จนกระทั่งค่าลดลงมามากแล้ว จึงเปลี่ยนมาตรวจทุก 3 เดือน
ปีที่ 3 - 5 ควรตรวจปีละ
1 - 2 ครั้ง
ตั้งแต่ปีที่ 6 ขึ้นไปตรวจทุกปี ปีละครั้ง
ตารางเวลาข้างต้นเป็นเพียงข้อแนะนำทั่วๆ
ไป เนื่องจากระยะเวลาของการเกิดโรคมะเร็งแต่ละชนิดไม่เท่ากัน
แต่การหมั่นตรวจเป็นระยะก็จะช่วยติดตามผลการรักษา
และการตรวจพบการกลับมาเป็นใหม่ได้รวดเร็ว ช่วยให้การป้องกัน รักษาได้ผลดียิ่งขึ้น
•ซึ่งถ้าตรวจได้ค่าเริ่มต้นมีค่าสูง
แล้วเริ่มมีระดับลดลงอย่างรวดเร็วหลังการรักษา จะช่วยในการบ่งชี้ว่าการผ่าตัดได้ผล
•ถ้าค่าลดลงเพียงเล็กน้อยตามด้วยค่าที่กลับสูงขึ้นมาใหม่ในภายหลัง
แสดงว่า การผ่าตัดรักษาไม่ได้ผลการที่มีค่า tumor markers สูงเพิ่มขึ้นใหม่หลังการให้เคมีบำบัดรอบแรกๆ
เป็นสัญญาณบอกให้หยุดยา ถ้าเป็นไปได้ให้เปลี่ยนวิธีการรักษา
เทคนิคการตรวจ tumor markers
ควรใช้วิธีการทดสอบที่มีความไวสูง
ซึ่งจะช่วยสามารถตรวจปริมาณ tumor markers ที่มีปริมาณเพียงเล็กน้อยได้ ชุดทดสอบควรมีความจำเพาะต่อ tumor
markers ให้มากที่สุด วิธีที่เหมาะสมในปัจจุบันจึงเป็น Immunoassay
โดยอาจเป็นวิธี RIA / EIA /CICA
การรบกวนผลการทดสอบ ในปฏิกริยา immunoassay ตามทฤษฏีแล้วจะมีความเสี่ยงที่จะเกิดการรบกวนของผลทดสอบได้
ซึ่งมีหลักที่ควรคำนึงถึงคือ
เมื่อใช้ตรวจหาแอนติเจนที่มีความเข้มข้นสูงมากเกินไป จะเกิดผลต่ำปลอม
ซึ่งกรณีนี้ปฏิกริยาการจับกันระหว่าง แอนติเจน-แอนติบอดีย์ถูกกีดขวาง
โดยแอนติเจนที่มีปริมาณสูงมากเกินไป
ซึ่งวิธีแก้ไขโดยการเจือจางตัวอย่างที่มีแอนติเจนสูง ก่อนทำการทดสอบ
•Heterophile antibodiesในตัวอย่างทดสอบบางรายมี heterophile antibodies อยู่ในน้ำเหลือง
โดยเฉพาะ human anti mouse antibodies ซึ่งวิธีการทดสอบส่วนใหญ่จะใช้
monoclonal antibodies จากหนูซึ่งจะทำให้เหมือนเกิดปฏิกริยาขึ้น
ถึวแม้ จะไม่มีแอนติเจนในน้ำเหลืองเลย ทำให้ได้ค่าผลบวกปลอมได้
บทบาทและประโยชน์ของสารบ่งชี้มะเร็ง(Tumor markers)
ดูข้อมูลที่ http://pannfitcancer.blogspot.com/
สอบถามได้ที่
คุณ วราพร แคล้วศึก
โทร. 085-9083178
อีเมล์ pannfitcancer@gmail.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น